เวลาทำการ

จันทร์-ศุกร์

09-00-18.00 น.

เราช่วยคุณได้

taladtour

Travel License : 11/11173

หน้าแรก

/

ข้อมูลท่องเที่ยว

โตรเอเชีย ซาเกรบไข่มุกแห่งทะเลเอเดรีติกเมืองหลวงน่าท่องเที่ยว

โตรเอเชีย ซาเกรบไข่มุกแห่งทะเลเอเดรีติกเมืองหลวงน่าท่องเที่ยว

34

ตอนแรกนี้ เราจะตะลุยเมืองซาเกรบกันค่ะ       ประเทศโครเอเชีย ประเทศที่ตั้งอยู่ในแหลมอีสเตรีย ประเทศสวยงามจนได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก แค่ฟังเกริ่นแค่นี้ เพื่อนๆ ก็ต้องจินตนาการได้ว่า ประเทศติดทะเลแห่งนี้จะสวยงามสักแค่ไหน แต่สิ่งที่ชาขมจะเล่า และจะเอาภาพมาโชว์เพื่อนๆ นั้นเป็นแค่เพียงครึ่งหนึ่งของความงามที่ชาขมได้เห็นจริง เพราะสถานที่จริง วิวจริงนั้นสวยงามมากมายมหาศาล... เที่ยวโครเอเชีย       ชาขมได้มีโอกาสไป ประเทศโครเอเชียในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมากๆ เลยค่ะที่จะได้ไปเห็นประเทศที่ใครๆ ก็พูดถึงว่าเป็นประเทศที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีท้องทะเลสีน้ำเงิน มีท้องฟ้าที่ฟ้า แต่เป็นสีฟ้าที่แตกต่างจากบ้านเรา ในการเดินทางในครั้งนี้เราเริ่มต้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเดินทางโดยสายการบิน Turkish Airlines ที่เราเลือกสายการบิน Turkish Airlines ในครั้งนี้ก็เพราะว่า ในการเดินทางไปประเทศโครเอเชียนั้น มีแค่ 2 สายการบินที่สามารถบินไปลงที่เมืองหลวงคือซาเกรบ (Zagreb) และบินกลับ จากอีกเมืองได้ นั่นก็คือบินกลับจากเมืองดูบรอฟนิค (Dubrovnik) ทำให้เราเดินทางเลาะลงรอบเดียว ไม่ต้องนั่งรถย้อนกลับมาขึ้นเครื่องที่สนามบินซาเกรบอีก.. เที่ยวสบายๆ ค่ะ

เที่ยวตุรกี อ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน ซากโบราณพระราชวังใต้ดิน อันน่าทึ่ง

เที่ยวตุรกี อ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน ซากโบราณพระราชวังใต้ดิน อันน่าทึ่ง

41

ข้อมูลเที่ยวตุรกีเที่ยวตุรกี อ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน Basilica Cistern (Yerebatan Sarayi) สิ่งก่อสร้างที่เป็นสิ่งก่อสร้างของชาวโรมันในอดีต  ซึ่งเป็นอุโมงค์เก็บน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดานับร้อยๆแห่งในอิสตันบูล สามารถเก็บน้ำได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตร สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศวรรษที่ 6 ภายในอุโมงค์ มีเสากรีกต้นสูงใหญ่ค้ำเรียงรายเป็นแถวถึง 336 ต้นและมีเสาต้นที่เด่นมากคือ เสาเมดูซ่า อิสระให้ท่านถ่ายรูป และชมความงามใต้ดินของอุโมงค์เก็บน้ำขนาดใหญ่ อ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน ซากโบราณพระราชวังใต้ดิน อันน่าทึ่งของกรุงคอนสแตนติโนเปิลสมัยไบเซนไทน์ แต่ก็ไม่มีที่ใดจะยิ่งใหญ่หรือมีชื่อเสียงเท่ากับ Basilica Cistern ในช่วงฤดูร้อน "พระราชวังใต้ดิน" นี้ถือเป็นแหล่งคลายร้อนได้เป็นอย่างดี

10 อยากเที่ยวประเทศโครเอเชีย รู้จักโครเอเชียก่อนเดินทาง

10 อยากเที่ยวประเทศโครเอเชีย รู้จักโครเอเชียก่อนเดินทาง

36

สาธารณรัฐโครเอเชีย       -  ที่ตั้ง อยู่ระหว่างยุโรปกลาง  และเมดิเตอร์เรเนียน บริเวณริมฝั่งตะวันออกของทะเลเอ            เดรียติก           -  พื้นที่ 56,542 ตารางกิโลเมตร       -  เมืองหลวง  กรุงซาเกร็บ (Zagreb)       -  ประชากร 4.4 ล้านคน  ประกอบด้วยชาวโครอัท (89.6%) ชาวเซิร์บ (4.54%) และ            อื่นๆ ได้แก่ ชาวบอสเนีย  ฮังกาเรียน  สโลวีน  เช็ค (5.9%)       -  ภูมิอากาศ  แบบเมดิเตอร์เรเนียนแถบชายฝั่งทะเลเอเดรียติก และภูมิอากาศเทือกเขาบริเวณ            ตอนกลาง ของประเทศ อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 14-27  องศาเซลเซียส       -  ภาษา  โครเอเชียนเป็นภาษาราชการ ภาษาอื่นๆ ที่ใช้พูดกันโดยชนกลุ่มน้อยได้แก่ เซอร์เบียน ฮัง            กาเรีน อิตาเลียน เยอรมัน อังกฤษ       -  ศาสนา โรมันคาทอลิก 85.8% ออโธด๊อกซ์ 3.2% มุสลิม 11%       -  หน่วยเงินตรา คูน่า (Kuna) อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ 4.66 คูน่า เท่ากับประมาณ 1  ดอลล่าร์สหรัฐ       -  ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ 50.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2550)       -  รายได้ประชาชาติต่อหัว 11,271 ดอลล่าร์สหรัฐ (2550)       -  การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 5.4 (2550)       -  ระบบการปกครอง  ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีสภาเดียว  เรียกว่า Sabor  มี            สมาชิก  152  คน  ประธานาธิบดีเป็นประมุข  โดยมาจากการเลือกตั้ง  และเป็นผู้แต่งตั้ง คณะ            รัฐบาล  มีวาระ 5 ปี  ปัจจุบัน คือนาย Stjepan Mesic ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 18            กุมภาพันธ์  2553 ( ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2  เมื่อเดือนมกราคม         2558)  รัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลผสมเสียงข้างมาก  ระวังพรรค Croatia         Democratic Union และพรรค Democratic Centre มี 19 จากเสียง             ทั้งหมด 152 เสียง การเมืองการปกครองประเทศโครเอเชีย1. โครเอเชียเดิมเป็นหนึ่งในหกสาธารณรัฐ  ซึ่งประกอบขึ้นเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยม ยูโกสลาเวีย (Socialist Federal Republic of Yugoslavia หรือ 2. SFRY)  อยู่ภายใต้การนำของจอมพลติโต  ชาวโครอัท  ซึ่งสามารถควบคุมสถานการณ์ความแตกแยกระหว่างเชื้อชาติไว้ได้ในระดับหนึ่ง  อย่างไรก็ตามภายหลังการอสัญกรรมของจอมพลปิโตในปี 2523 ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อแยกตัวเป็นเอกราชของสาธารณรัฐต่างๆ  ในยูโกสลาเวียเริ่มมีความรุนแรงขึ้น โครเอเชียจัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2533  โดยประธานาธิบดี Franjo Tudjman ได้รับเลือกตั้ง  และต่อมาก็ได้ประกาศเอกราช SFRY ซึ่งทำให้เกิดการสู้รบระหว่างโครเอเชียกับชาวเซิร์บในโครเอเชียซึ่งมียูโกสลาเวียหนุนหลัง  และยุติลงเมื่อผู้นำโครเอเชีย เซอร์เบีย และบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา ได้ลงนามข้อตกลงสันติภาพเดย์ตัน ( Dayton Peace Accord ) เมื่อปี 25383. ภายหลังการอสัญกรรมของประธานาธิบดี Tudjman ในปี ๒๕๔๒ นาย Sijepan Mesic ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี คนใหม่ซึ่งเป็นผู้นําเสรีนิยมประชาธิปไตยรุ่นใหม่ ทําให้โครเอเชียพัฒนาไปอย่างมาก โดยได้ปรับเปลียนเป้าหมาย และนโยบายจากเดิมที่ให้ความสําคัญกับการต่อสู้เพื่อผนวกดินแดนบอสเนียและเฮอร์เซโกวินา ซึ่งมีชาวโครอัทอาศัยอยู่จํานวนมากเป็นการให้ความสําคัญกับการยุติความขัดแย้งกับบอสเนียฯ การปรับความสัมพันธ์กับประเทศยุโรปตะวันตก และการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ทั้งนี เมื่อเดือนมกราคม ๒๕๔๘ ประธานาธิบดี Stjepan Mesic ได้รับเลือกตังเป็นประธานาธิบดี สมัยที่ ๒ และจะดํารงตําแหน่งจนถึงปี ๒๕๕๓4. เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๐ โครเอเชียได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาทัวประเทศ ผลปรากฏว่า                       พรรค Croatian Democratic Union(HDZ)ต่อมาในวันที่ ๑๒ มกราคม                      ๒๕๕๑ รัฐสภาโครเอเชียได้ลงมติให้ความเห็นชอบต์อรัฐบาลชุดใหม่ที่มีนาย Ivo             Sanader เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยทีสอง ซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดนี้ประกอบด้วยรอง                     นายกรัฐมนตรี ๔ คน และรัฐมนตรี ๑๕ คน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คือ                      นาย Gordon Jandrokovic ซึ่งเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ และเป็นดาวรุ่งของพรรค              HDZ       4. นโยบายของรัฐบาลสมัยที่สองของนาย Sanader ยังคงดำเนินนโยบายสายกลาง ค่อนไปทางอนุรักษ์นิยม ด้านการต่างประเทศส่งเสริมการมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกา และมุ่งให้โครเอเชียเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) โดยหวังว่าจะสามารถบรรลุผลสําเร็จเข้าเป็นสมาชิก EU ได้ในปี 2553 สัาหรับภาระสำคัญเกี่ยวกับกิจกรรมภายในประเทศคือการพัฒนาที่รวดเร็ว ให้ความสนใจอย่างจริงจังต่อปัญหาสังคม ปฏิรูประบบศาลยุติธรรม และระบบบริหารให้มีความสมบูร์ และขจัดการฉ้อราษฏร์บังหลวง

เที่ยวคุราชิกิ เมืองวินเทจเล็ก เดินเที่ยว พายเรือ ช้อปปิ้งเมืองเก่าสมัยเอโดะ

เที่ยวคุราชิกิ เมืองวินเทจเล็ก เดินเที่ยว พายเรือ ช้อปปิ้งเมืองเก่าสมัยเอโดะ

35

เที่ยวเมืองเก่าคุราชิกิ ( Kurashiki ) วันนี้ "ไปเที่ยวด้วยกัน " จะพาทัวร์ฮิโรชิมา ก่อนอื่นที่จะพาทุกท่านไปเที่ยวฮิโรชิมา ทางทีมงานต้องขอขอบคุณ สายการบินนกแอร์ ที่สนับสนุนให้ทีมงานไปถ่ายทำที่ฮิโรชิมา สำหรับท่านไหนอยากจะไปทัวร์ญี่ปุ่นมาสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินกับสายการบินนกแอร์ได้เลยนะจร้า เขาบินตรงแล้ว และบริการดีเยี่ยมเลย เอาละเข้าเรื่องกันได้แล้ว คุราชิกิ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัด โอคายะมะ เมืองวินเทจเล็กๆที่ใครมากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ สำหรับใครที่จะลองแวะไปครั้งแรกรับรองว่าจะติดใจ และอยากจะกลับไปเที่ยวที่นี่บ่อยๆ เมื่อมีโอกาศไปเที่ยวญี่ปุ่นอีก เราขอกระซิบบอกเลยนะว่าเมืองนี้เป็นจุดศูนย์รวมธรรมชาติแสนสวยงามโดยเฉพาะแม่น้ำคุราชิกิซึ่งมีประวัติศาตร์ยาวนาน มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะ และร้านอาหารแสนอร่อย ร้านขนมคุณไปแล้วจะไม่พลาดกับการช้อปปิ้งเพื่อเป็นของฝาก พูดได้ว่าย่านนี้ได้รวบรวมสินค้าจากพ่อค้าในยุคเอโดะมาไว้ที่นี่เลยแหละทีเดียว

เที่ยวตุรกี ช่องแคบบอสฟอรัส ล่องเรือช่องแคบสองทวีป เที่ยวตุรกี สัมผัสบรรยากาศฟินสุดๆ

เที่ยวตุรกี ช่องแคบบอสฟอรัส ล่องเรือช่องแคบสองทวีป เที่ยวตุรกี สัมผัสบรรยากาศฟินสุดๆ

37

ข้อมูลเที่ยวตุรกีเที่ยวตุรกี ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (The Black sea) เข้ากับ "ทะเลมามาร่า" (Sea of Marmara) ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 32 กิโลเมตร ความกว้างตั้งแต่ 500 เมตรจนถึง 3 กิโลเมตร ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรป และสุดขอบของทวีปเอเชียมาพบกันที่นี่ นอกจากความสวยงามแล้ว ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง ในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย เพราะมีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้ ว่ากันว่าจนกระทั่งถึงยุคของก ารนำเอาเรือปืนใหญ่มาใช้ และไม่เคยปรากฏว่า  กรุงอิสตันบูลถูกถล่มจนเสียหายอย่างหนักมาก่อนเลย ทั้งนี้เป็นเพราะป้อมปืนดังกล่าวนี้เอง  ปี ค.ศ. 1973 มีการเปิดใช้สะพานบอสฟอรัสซึ่งทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างฝั่งเอเชีย และยุโรปสะดวกมากขึ้น ขณะที่ล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทางไม่ว่าจะเป็น พระราชวังโดลมาบาชเช่ หรือบ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐี ซึ่งล้วนแล้วแต่สวยงามตระการตาทั้งสิ้น