เวลาทำการ

จันทร์-ศุกร์

09-00-18.00 น.

เราช่วยคุณได้

taladtour

Travel License : 11/11173

หน้าแรก

/

ข้อมูลท่องเที่ยว

10 อยากเที่ยวประเทศโครเอเชีย รู้จักโครเอเชียก่อนเดินทาง

10 อยากเที่ยวประเทศโครเอเชีย รู้จักโครเอเชียก่อนเดินทาง

37

สาธารณรัฐโครเอเชีย       -  ที่ตั้ง อยู่ระหว่างยุโรปกลาง  และเมดิเตอร์เรเนียน บริเวณริมฝั่งตะวันออกของทะเลเอ            เดรียติก           -  พื้นที่ 56,542 ตารางกิโลเมตร       -  เมืองหลวง  กรุงซาเกร็บ (Zagreb)       -  ประชากร 4.4 ล้านคน  ประกอบด้วยชาวโครอัท (89.6%) ชาวเซิร์บ (4.54%) และ            อื่นๆ ได้แก่ ชาวบอสเนีย  ฮังกาเรียน  สโลวีน  เช็ค (5.9%)       -  ภูมิอากาศ  แบบเมดิเตอร์เรเนียนแถบชายฝั่งทะเลเอเดรียติก และภูมิอากาศเทือกเขาบริเวณ            ตอนกลาง ของประเทศ อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 14-27  องศาเซลเซียส       -  ภาษา  โครเอเชียนเป็นภาษาราชการ ภาษาอื่นๆ ที่ใช้พูดกันโดยชนกลุ่มน้อยได้แก่ เซอร์เบียน ฮัง            กาเรีน อิตาเลียน เยอรมัน อังกฤษ       -  ศาสนา โรมันคาทอลิก 85.8% ออโธด๊อกซ์ 3.2% มุสลิม 11%       -  หน่วยเงินตรา คูน่า (Kuna) อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ 4.66 คูน่า เท่ากับประมาณ 1  ดอลล่าร์สหรัฐ       -  ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ 50.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2550)       -  รายได้ประชาชาติต่อหัว 11,271 ดอลล่าร์สหรัฐ (2550)       -  การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 5.4 (2550)       -  ระบบการปกครอง  ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีสภาเดียว  เรียกว่า Sabor  มี            สมาชิก  152  คน  ประธานาธิบดีเป็นประมุข  โดยมาจากการเลือกตั้ง  และเป็นผู้แต่งตั้ง คณะ            รัฐบาล  มีวาระ 5 ปี  ปัจจุบัน คือนาย Stjepan Mesic ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 18            กุมภาพันธ์  2553 ( ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2  เมื่อเดือนมกราคม         2558)  รัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลผสมเสียงข้างมาก  ระวังพรรค Croatia         Democratic Union และพรรค Democratic Centre มี 19 จากเสียง             ทั้งหมด 152 เสียง การเมืองการปกครองประเทศโครเอเชีย1. โครเอเชียเดิมเป็นหนึ่งในหกสาธารณรัฐ  ซึ่งประกอบขึ้นเป็นสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยม ยูโกสลาเวีย (Socialist Federal Republic of Yugoslavia หรือ 2. SFRY)  อยู่ภายใต้การนำของจอมพลติโต  ชาวโครอัท  ซึ่งสามารถควบคุมสถานการณ์ความแตกแยกระหว่างเชื้อชาติไว้ได้ในระดับหนึ่ง  อย่างไรก็ตามภายหลังการอสัญกรรมของจอมพลปิโตในปี 2523 ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อแยกตัวเป็นเอกราชของสาธารณรัฐต่างๆ  ในยูโกสลาเวียเริ่มมีความรุนแรงขึ้น โครเอเชียจัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2533  โดยประธานาธิบดี Franjo Tudjman ได้รับเลือกตั้ง  และต่อมาก็ได้ประกาศเอกราช SFRY ซึ่งทำให้เกิดการสู้รบระหว่างโครเอเชียกับชาวเซิร์บในโครเอเชียซึ่งมียูโกสลาเวียหนุนหลัง  และยุติลงเมื่อผู้นำโครเอเชีย เซอร์เบีย และบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา ได้ลงนามข้อตกลงสันติภาพเดย์ตัน ( Dayton Peace Accord ) เมื่อปี 25383. ภายหลังการอสัญกรรมของประธานาธิบดี Tudjman ในปี ๒๕๔๒ นาย Sijepan Mesic ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี คนใหม่ซึ่งเป็นผู้นําเสรีนิยมประชาธิปไตยรุ่นใหม่ ทําให้โครเอเชียพัฒนาไปอย่างมาก โดยได้ปรับเปลียนเป้าหมาย และนโยบายจากเดิมที่ให้ความสําคัญกับการต่อสู้เพื่อผนวกดินแดนบอสเนียและเฮอร์เซโกวินา ซึ่งมีชาวโครอัทอาศัยอยู่จํานวนมากเป็นการให้ความสําคัญกับการยุติความขัดแย้งกับบอสเนียฯ การปรับความสัมพันธ์กับประเทศยุโรปตะวันตก และการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป ทั้งนี เมื่อเดือนมกราคม ๒๕๔๘ ประธานาธิบดี Stjepan Mesic ได้รับเลือกตังเป็นประธานาธิบดี สมัยที่ ๒ และจะดํารงตําแหน่งจนถึงปี ๒๕๕๓4. เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๐ โครเอเชียได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาทัวประเทศ ผลปรากฏว่า                       พรรค Croatian Democratic Union(HDZ)ต่อมาในวันที่ ๑๒ มกราคม                      ๒๕๕๑ รัฐสภาโครเอเชียได้ลงมติให้ความเห็นชอบต์อรัฐบาลชุดใหม่ที่มีนาย Ivo             Sanader เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยทีสอง ซึ่งคณะรัฐมนตรีชุดนี้ประกอบด้วยรอง                     นายกรัฐมนตรี ๔ คน และรัฐมนตรี ๑๕ คน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คือ                      นาย Gordon Jandrokovic ซึ่งเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ และเป็นดาวรุ่งของพรรค              HDZ       4. นโยบายของรัฐบาลสมัยที่สองของนาย Sanader ยังคงดำเนินนโยบายสายกลาง ค่อนไปทางอนุรักษ์นิยม ด้านการต่างประเทศส่งเสริมการมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกา และมุ่งให้โครเอเชียเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) โดยหวังว่าจะสามารถบรรลุผลสําเร็จเข้าเป็นสมาชิก EU ได้ในปี 2553 สัาหรับภาระสำคัญเกี่ยวกับกิจกรรมภายในประเทศคือการพัฒนาที่รวดเร็ว ให้ความสนใจอย่างจริงจังต่อปัญหาสังคม ปฏิรูประบบศาลยุติธรรม และระบบบริหารให้มีความสมบูร์ และขจัดการฉ้อราษฏร์บังหลวง

เที่ยวคุราชิกิ เมืองวินเทจเล็ก เดินเที่ยว พายเรือ ช้อปปิ้งเมืองเก่าสมัยเอโดะ

เที่ยวคุราชิกิ เมืองวินเทจเล็ก เดินเที่ยว พายเรือ ช้อปปิ้งเมืองเก่าสมัยเอโดะ

36

เที่ยวเมืองเก่าคุราชิกิ ( Kurashiki ) วันนี้ "ไปเที่ยวด้วยกัน " จะพาทัวร์ฮิโรชิมา ก่อนอื่นที่จะพาทุกท่านไปเที่ยวฮิโรชิมา ทางทีมงานต้องขอขอบคุณ สายการบินนกแอร์ ที่สนับสนุนให้ทีมงานไปถ่ายทำที่ฮิโรชิมา สำหรับท่านไหนอยากจะไปทัวร์ญี่ปุ่นมาสามารถซื้อตั๋วเครื่องบินกับสายการบินนกแอร์ได้เลยนะจร้า เขาบินตรงแล้ว และบริการดีเยี่ยมเลย เอาละเข้าเรื่องกันได้แล้ว คุราชิกิ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจของจังหวัด โอคายะมะ เมืองวินเทจเล็กๆที่ใครมากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ สำหรับใครที่จะลองแวะไปครั้งแรกรับรองว่าจะติดใจ และอยากจะกลับไปเที่ยวที่นี่บ่อยๆ เมื่อมีโอกาศไปเที่ยวญี่ปุ่นอีก เราขอกระซิบบอกเลยนะว่าเมืองนี้เป็นจุดศูนย์รวมธรรมชาติแสนสวยงามโดยเฉพาะแม่น้ำคุราชิกิซึ่งมีประวัติศาตร์ยาวนาน มีพิพิธภัณฑ์ศิลปะ และร้านอาหารแสนอร่อย ร้านขนมคุณไปแล้วจะไม่พลาดกับการช้อปปิ้งเพื่อเป็นของฝาก พูดได้ว่าย่านนี้ได้รวบรวมสินค้าจากพ่อค้าในยุคเอโดะมาไว้ที่นี่เลยแหละทีเดียว

เที่ยวตุรกี ช่องแคบบอสฟอรัส ล่องเรือช่องแคบสองทวีป เที่ยวตุรกี สัมผัสบรรยากาศฟินสุดๆ

เที่ยวตุรกี ช่องแคบบอสฟอรัส ล่องเรือช่องแคบสองทวีป เที่ยวตุรกี สัมผัสบรรยากาศฟินสุดๆ

38

ข้อมูลเที่ยวตุรกีเที่ยวตุรกี ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (The Black sea) เข้ากับ "ทะเลมามาร่า" (Sea of Marmara) ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 32 กิโลเมตร ความกว้างตั้งแต่ 500 เมตรจนถึง 3 กิโลเมตร ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรป และสุดขอบของทวีปเอเชียมาพบกันที่นี่ นอกจากความสวยงามแล้ว ช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง ในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย เพราะมีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้ ว่ากันว่าจนกระทั่งถึงยุคของก ารนำเอาเรือปืนใหญ่มาใช้ และไม่เคยปรากฏว่า  กรุงอิสตันบูลถูกถล่มจนเสียหายอย่างหนักมาก่อนเลย ทั้งนี้เป็นเพราะป้อมปืนดังกล่าวนี้เอง  ปี ค.ศ. 1973 มีการเปิดใช้สะพานบอสฟอรัสซึ่งทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างฝั่งเอเชีย และยุโรปสะดวกมากขึ้น ขณะที่ล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ข้างทางไม่ว่าจะเป็น พระราชวังโดลมาบาชเช่ หรือบ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐี ซึ่งล้วนแล้วแต่สวยงามตระการตาทั้งสิ้น

9 อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เจเซร่า โครเอเชีย สรวงสวรรค์ธรรมชาติท่ามกลางขุนเขาที่มีอยู่จริง

9 อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เจเซร่า โครเอเชีย สรวงสวรรค์ธรรมชาติท่ามกลางขุนเขาที่มีอยู่จริง

34

ในทริปเที่ยวโครเอเชียครั้งนี้ วันนี้ก็ถึงวันที่รอคอยค่ะ วันนี้เราจะไปเที่ยว อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เจเซร่า (Plitvička jezera) ประเทศโครเอเชีย อุทยานแห่งนี้เป็นอุทยานที่เก่าแก่ และกว้างใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโครเอเชีย ค้นพบในปี ค.ศ. 1949 อยู่ทางเทือกเขาคลาสท์ (Karst) ตอนกลางของประเทศ ใกล้ชายแดนบอสเนียแอนด์เฮอร์เซโกวีนา ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี ค.ศ. 1979 ฉะนั้นเมื่อเราเดินชมความงามของธรรมชาติที่นี่ เราก็ไม่ควรแตะต้องต้นไม้ หรือแม้จะไปเก็บใบไม้ตกอยู่ที่พื้นก็ไม่ได้นะคะ จะเอามือจุ่มน้ำก็ไม่ควรค่ะ เราจะอนุรักษ์มันไว้ให้เป็นอย่างนี้ตลอดไปกันนะคะ ^^ อุทยานแห่งชาตินี้นะคะมีเนื้อที่ประมาณ 73,350 เอเคอร์ หรือประมาณ 296.85 ตารางกิโลเมตร และมีสัตว์มากมายอยู่ในพื้นที่กว้างใหญ่แห่งนี้ ซึ่งเจ้าสัตว์ที่เป็นสัตว์ประจำท้องถิ่นนี้ ก็คือหมีสีน้ำตาล สุนัขจิ้งจอก กวาง และอีกหลากพันธุ์.. เพื่อนๆ ลองเดาดูสิคะว่าพื้นที่ใหญ่ปานนี้จะอุดมสมบูรณ์จนมีหมีสีน้ำตาลอาศัยอยู่กี่ตัว? เฉลยเลยค่า ^^ มีมากถึง 300 ตัว หรือ 1 ตัวต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร ชาขมอยากเจอซักตัว ดีมั้ยหนอ? ฮ่าๆๆๆ น่าจะไม่ดีนะคะ ให้เค้าอยู่อวบๆ ของเค้าไปจะดีกว่าค่ะ..

เที่ยวตุรกี ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศตุรกี รู้ก่อนเดินทางไปตุรกี ถ้าไม่งั้นคุณจะพลาดแน่นอน

เที่ยวตุรกี ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศตุรกี รู้ก่อนเดินทางไปตุรกี ถ้าไม่งั้นคุณจะพลาดแน่นอน

32

ข้อมูลเที่ยวตุรกีเที่ยวตุรกี สาธารณรัฐตุรกี (Republic of Turkey ) หรือประเทศตุรกี ที่หลายๆคนคุ้นเคยกับชื่อนี้มานาน ซึ่งประเทศนี้มีพื้นที่คล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีความยาวมากกว่า 1,600 กิโลเมตร และกว้าง 800 กิโลเมตร ตุรกีมีพื้นที่ (รวมทะเลสาบเข้าไปด้วย) ประมาณ 783,562 ตารางกิโลเมตร ตุรกีตั้งอยู่ในเอเชียตะวันตก และก้อมีพื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศนี้มีพรมแดนติดต่อกับประเทศ ดังต่อไปนี้    ประเทศซีเรีย และทางใต้ประเทศนี้ก็ติดกับประเทศ อีรัก    ประเทศอีหร่าน    ประเทศอาร์มีเนีย    นาคีชีวัน ซึ่งดินแดนแยกออกมา อยู่ระหว่างทางตะวันออกของ อาเซอร์ไบจาน    ประเทศจอร์เจีย ทางตะวันออกเฮียงเหนือ    ประเทศบัลแกเรีย ทางตะวันตกเฉียงเหนือ    ประเทศกรีซ ทางตะวันตก

8 เที่ยวญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่นฤดูไหนถึงจะดีที่สุด รู้ไว้ก่อนไปญี่ปุ่น

8 เที่ยวญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่นฤดูไหนถึงจะดีที่สุด รู้ไว้ก่อนไปญี่ปุ่น

41

ภูมิอากาศในประเทศญี่ปุ่นนั้นจะถูกออกแบ่งเป็น 4 ฤดู แต่ความจริงแล้วเราสามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดู แต่ด้วยความแตกต่างของลักษณะและสภาพพื้นที่ในแต่ละภูมิภาค ทําให้การผลิดอก ออกใบของดอกไม้ และพืชพันธุ์ต่างๆ ที่เป็นไฮไลท์สําหรับการท่องเที่ยวที่มีช่วงเวลาพิคซีซั่นที่ไล่กันไปตามฤดูกาล เรามาเริ่มต้นกันที่ ฤดูแรกของประเทศญี่ปุ่นกันเลยนะครับ1. ฤดูหนาวญี่ปุ่น  (เริ่มเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์)       ใครที่อยากไปสัมผัสหิมะ และเล่นสกี ก็เลือกไปญี่ปุ่นช่วงเดือนที่ว่านี้อากาศทั่วทุกภูมิภาคจะเริ่มเย็นลงเรื่อยๆจนถึงช่วงเดือนมกราคมซึ่งถือว่าหนาวที่สุด ตามยอดเขาต่างๆจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนโดยเฉพาะฮอกไกโดจะมีฤดูหนาวเย็นกว่าที่อื่นๆ และมีการจัดงานเทศกาลหิมะเทศกาลน้ำแข็งในหลายเมืองนอกจากนี้สกีรีสอร์ทในหลายเมืองทั่วญี่ปุ่นจะคึกคักเป็นพิเศษ ถ้าเพื่อนๆต้องการไปฮอกไกโดช่วงนี้ และหาที่พักไม่ได้ ทางทีมงานขอแนะนำสกีรีสอร์ทที่ท่านสามารถพักแล้วก็ออกมาเล่นสกีได้เลย สะดวกสบายอย่างมาก คือ คิโรโร๊ะ สกีรีสอร์ท2. ฤดูร้อนญี่ปุ่น (เริ่มเดือนมิถุนายน-กันยายน)       ฤดูร้อนในญี่ปุ่นเริ่มในเดือนมิถุนายนเป็นการเริ่มต้นแห่งฤดูของการเพาะปลูกพืชผักผลไม้ และข้าวแม้จะขึ้นชื่อว่าหน้าร้อนแต่ที่ญี่ปุ่นกลับไปฤดูที่มีเสน่ห์ไปอีกแบบ ถือเป็นฤดูแห่งความสนุกเพราะเป็นช่วงที่มีเทศกาลประจำปีต่างๆมากมายมีการจุดพลุเฉลิมฉลองงานวัด และพิธีต่างๆอากาศจะเริ่มอบอุ่นขึ้นจนถึงร้อนในช่วงที่มีมรสุมเข้าก็อาจทำให้ฝนตกติดต่อกันทั้งวันหรือเป็นอาทิตย์แต่สำหรับเกาะฮอกไกโดนั้นนับว่าเป็นช่วงไฮไลท์ที่อากาศกำลังสบายสบาย นักท่องเที่ยวจะมากันมากที่สุดเพื่อชมดอกลาเวนเดอร์และทุ่งดอกไม้หลากสี3. ฤดูใบไม้ผลิญี่ปุ่น  (เริ่มเดือนมีนาคม-พฤษภาคม)       เป็นช่วงอากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นกำลังเย็นสบายๆ ท้องฟ้าแจ่มใสเป็นเวลาแห่งการชมดอกไม้หลากหลายพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นดอกฟูจิ ( Wisteria ) ดอกสึสึจิ ( azalea )  ดอกไอริส ดอกอะจิไซ โดยเฉพาะราชินีแห่งดอกไม้ของฤดูกาลนี้ คือดอกซากุระซึ่งจะบานเพียงแค่ราว 1 สัปดาห์เศษๆเท่านั้น โดยจะเริ่มผลิบานจากทางใต้แถบเกาะโอกินาวาไร่ขึ้นไปด้วยเรื่อยๆ จนถึงเกาะฮอกไกโดส่วนจะบานช่วงวันไหนก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศแต่ละปีนั้นๆ ช่วงเวลานี้จะมีการจัดงานเทศกาลชมดอกไม้ซึ่งกลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งที่คนญี่ปุ่นจะมาปูเสื่อนั่งทานอาหารสังสรรค์กันใต้ต้นซากุระ ช่วงเวลานี้อาจจะเป็นการต้อนรับน้องใหม่ในการทำงานและมีการกำหนดให้พนักงานที่เริ่มทำงานใหม่มาจับจองสถานที่ที่นั่งใต้ต้นซากุระให้ได้ เพื่อเป็นการทดสอบความกล้าหาญและความอดทนอดกลั้นการท่องเที่ยวถือเป็นไฮซีซั่นช่วงที่ดีที่สุด4. ฤดูใบไม้ร่วงญี่ปุ่น  (เริ่มเดือนกันยายน-พฤศจิกายน)       ฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูแห่งสีสัน เป็นช่วงที่มีอากาศดี๊ดี กำลังสบายๆ ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป อากาศจะค่อยๆเย็นลงช่วงเดือนตุลาคม และในช่วงเดือนนี้อาจจะยังมีฝนตกบ้างประปรายไม่มากนัก และต้นไม้ต่างๆจะเริ่มเปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีแดง ส้ม เหลือง ให้พวกเราได้เห็นกัน โดยเฉพาะใบเมเปิ้ลจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ต้นแปะก๊วยจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอร่ามงามแท้ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะสร้างสีสันให้แต่ละเมืองเป็นอย่างมาก นับเป็นเวลากว่า 1 เดือน ไล่มาตั้งแต่เกาะฮอกไกโดลงไปจนถึงทางใต้ที่เกาะคิวชู ฤดูนี้ถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นอีกช่วงหนึ่งของญี่ปุ่นและมีผู้คนชอบซื้อทัวร์ญี่ปุ่นไปช่วงฤดูนี้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นช่วงที่ธรรมชาติตามป่าเขา วัด ศาลเจ้าและสวนสาธารณะต่างๆ จะมีสีสันมากที่สุด