เวลาทำการ

จันทร์-ศุกร์ :

09.00 - 18.00 น.

เราช่วยคุณได้

@taladtour

Travel License : 11/11173

หน้าแรก

/

บทความท่องเที่ยว

/

ครั้งหนึ่งในชีวิตต้อง "พิชิตวัดทักซัง" Tiger's Nest ให้ได้

ครั้งหนึ่งในชีวิตต้อง

23

Jun

2025

ภูฏาน

ครั้งหนึ่งในชีวิตต้อง "พิชิตวัดทักซัง" Tiger's Nest ให้ได้

     ประเทศภูฏาน ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า ที่ซึ่งพุทธศาสนายังคงหยั่งรากลึกและธรรมชาติยังคงบริสุทธิ์อุดมสมบูรณ์ การเดินทางทัวร์ภูฏาน (Bhutan)ไปยังสถานที่อันงดงามและเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณอย่าง "วัดทักซัง" (Taktsang Monastery) หรือรังเสือ "Tiger’s Nest" จึงไม่ใช่เพียงแค่การเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวภูฏานธรรมดาเท่านั้น หากแต่เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ควรค่าแก่การจดจำ และเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณอันลึกซึ้ง ที่ให้เราได้สัมผัสถึงความศรัทธา ความมุ่งมั่น และความงดงามอันน่าทึ่ง ซึ่งเราก็ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเที่ยวภูฏานของวัดศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนหน้าผาสูงชันแห่งนี้มาฝากกันค่ะ

ภูมิศาสตร์ของรังเสือในภูฏาน การเดินทางสู่ความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติและพลังแห่งศรัทธา

      วัดทักซัง (Taktsang Monastery) หรือ พาโรทักซัง (Paro Taktsang) 

      ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของภูฏานในหุบเขาพาโร (Paro Valley) ซึ่งเป็นหนึ่งในหุบเขาที่สวยงามที่สุดของประเทศ จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนหน้าผาหินแกรนิตสูงชันซึ่งอยู่บริเวณทางด้านขวาของแม่น้ำพาโร โดยเป็นหนึ่งในถ้ำ 13 แห่งของรังเสือในประวัติศาสตร์ของทิเบต ที่ซึ่งพระปัทมสัมภวะเคยฝึกฝนและแผยแผ่พุทธศาสนา ทัศนียภาพโดยรอบเต็มไปด้วยป่าสนเขียวขจีที่ถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกจาง ๆ สร้างบรรยากาศที่สวยงามลึกลับและศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง ซึ่งการตั้งอยู่บนพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยากเช่นนี้ ก็ยิ่งเพิ่มมนต์ขลังและความน่าเกรงขามให้กับวัดทักซังได้มากยิ่งขึ้น และนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนใฝ่ฝันอยากจะมาเยือนวัดแห่งนี้กันให้ได้สักครั้งในชีวิต   

พิกัด

ตำนานและประวัติศาสตร์ - ทำไมจึงเรียกว่ารังเสือในภูฏาน?

     ชื่อ "รังเสือ" (Tiger's Nest) นั้นมีที่มาจากตำนานอันศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าขานกันมานับร้อยปี ว่ากันว่าในศตวรรษที่ 8 ท่านคุรุปัทมสัมภวะ (Guru Padmasambhava) หรือที่ชาวภูฏานรู้จักในนามท่านคุรุรินโปเช (Guru Rinpoche) พระลามะผู้เผยแพร่พุทธศาสนานิกายวัชรยานเข้าสู่ภูฏาน ได้เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ด้วยการขี่เสือตัวเมียที่มีฤทธิ์เดชบินมาจากทิเบต เพื่อปราบปีศาจและจิตวิญญาณชั่วร้าย อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่าเสือตนนั้นเป็นร่างจำแลงของพระนาง Yeshe Tsogyal อดีตพระมเหสีของจักรพรรดิองค์หนึ่ง ที่ได้กลายมาเป็นศิษย์ของท่านคุรุรินโปเช และได้พาท่านขึ้นหลังบินมาจากทิเบตเพื่อมายังถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของวัดทักซังในปัจจุบัน โดยท่านคุรุรินโปก็ได้นั่งสมาธิและปฏิบัติธรรมในถ้ำแห่งนี้เป็นเวลา 3 เดือน 3 สัปดาห์ 3 วัน 3 ชั่วโมง เพื่อปราบปรามอสูรร้ายและเหล่าปีศาจที่ขัดขวางการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และได้ปรากฏตัวในรูปแบบภาคสมมุติทั้งแปดปาง (อวตารทั้งแปด) เมื่อท่านทำสมาธิสำเร็จ ถ้ำแห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวภูฏานนับแต่นั้นเป็นต้นมา และมีรอยที่ว่ากันว่าเป็นรอยประทับร่างกายของพระคุรุปัทมสัมภวะอยู่บนผนังถ้ำแห่งนี้ด้วย ด้วยตำนานอันน่าอัศจรรย์นี้เองทำให้วัดทักซังได้รับการขนานนามว่ารังเสือหรือ “Tiger’s Nest” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพลัง ความศักดิ์สิทธิ์ และชัยชนะเหนืออุปสรรคทั้งปวง แนะนำว่าถ้าหากวางแผนไปเที่ยววัดทักซัง ลองหาตำนานเรื่องเล่าของวัดแห่งนี้เพิ่มเติมกันดูค่ะ เพราะช่วยเพิ่มเพิ่มอรรถรสและบรรยากาศในการเดินทางมายังวัดทักซังได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

การก่อตั้งวัดพาโรทักซัง (วัดรังเสือ)

การก่อตั้งวัดพาโรทักซัง (วัดรังเสือ) 
     ถึงแม้ว่าในตำนานท่านคุรุปัทมสัมภาวะจะเสด็จมายังสถานที่แห่งนี้ในศตวรรษที่
8 แต่วัดทักซังที่เราเห็นในปัจจุบันนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในยุคนั้นค่ะ การก่อสร้างวัดนั้นเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1692 โดยท่าน Tenzin Rabgye ซึ่งเป็นผู้ปกครองหรือ Druk Desi องค์ที่ 4 ของภูฏาน โดยเชื่อกันว่าท่านเป็นคุรุปัทมสัมภวะกลับชาติมาเกิด การตัดสินใจสร้างวัดบนหน้าผาแห่งนี้เป็นความพยายามที่จะรำลึกถึงและรักษาตำนานอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านคุรุรินโปเชเอาไว้ การสร้างวัดขึ้นรอบ ๆ ถ้ำแม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายทางภูมิศาสตร์เป็นอย่างมาก แต่ด้วยความศรัทธาอันแรงกล้า วัดทักซังจึงได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ โครงสร้างของวัดจะประกอบไปด้วยอาคารหลายหลังที่ยึดติดกับหน้าผาหินได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยมีอาคารหลักทั้งหมด 4 หลังและศาลาอีก 8 แห่ง มีทางเดินเชื่อมต่อกันระหว่างอาคาร และมีถ้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นสถานที่ที่ท่านคุรุปัทมสัมภาวะเคยนั่งสมาธิอยู่ภายใน ทำให้เมื่อมองมาจากภายนอกนั้น วัดทักซังดูราวกับถูกแกะสลักขึ้นมาจากภูเขาอย่างประณีตละเอียดอ่อน แสดงให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของภูมิปัญญาของผู้คนในยุคนั้น ความสามารถทางด้านสถาปัตยกรรม และการอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง 

ระดับความสูงของรังเสือในภูฏานอยู่ที่เท่าไร?

     วัดทักซังตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 3,120 เมตร (10,240 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล และตั้งอยู่บนหน้าผาที่สูงชันประมาณ 900 เมตร (2,953 ฟุต) จากพื้นหุบเขาพาโร ซึ่งการที่วัดตั้งอยู่ในระดับความสูงที่ค่อนข้างสูงนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ภูฏานจะต้องประเมินสภาพร่างกายของตนเองกันด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของการปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศเบาบางบนพื้นที่ที่อยู่ในระดับความสูงค่อนข้างมาก ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นก่อนการเดินทางขึ้นสู่วัดทักซังแห่งนี้ค่ะ ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงจากอาการแพ้ความสูง (AMS) หรืออาการเจ็บป่วยจากความสูง (Acute Mountain Sickness) ผู้ที่วางแผนจะมาพิชิตวัดทักซัง แนะนำให้ใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 1 - 2 วันในการปรับตัวที่เมืองพาโรกันก่อน เนื่องจากเป็นเมืองที่มีระดับความสูงใกล้เคียงกัน เพื่อให้ร่างกายได้คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมก่อนที่จะเดินทางขึ้นมายังวัดทักซัง  

การขึ้นสู่วัดทักซังใช้เวลานานแค่ไหน?

การเดินทางขึ้นสู่วัดทักซังบอกได้เลยว่าต้องใช้กำลังกายและความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงเลยค่ะ เพราะโดยเฉลี่ยแล้วการเดินทางขึ้นและลงจะใช้เวลาประมาณ 5 - 7 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความเร็วในการเดินและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล การเดินทางจากด้านล่างขึ้นไปยังวัดจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 ช่วง ดังนี้

  • ช่วงแรก (ประมาณ 1.5 - 2 ชั่วโมง) จากจุดเริ่มต้นบริเวณลานจอดรถและร้านขายของที่ระลึก ถ้าหากใครเดินไม่ไหวก็สามารถเช่าม้าตรงจุดเริ่มต้นเพื่อขึ้นไปยังคาเฟทีเรีย (Cafeteria) ซึ่งเป็นจุดพักครึ่งทางกันได้ แต่หลังจากจุดนี้ต้องใช้การเดินเท้าเข้าไปด้วยตนเอง ไม่สามารถขี่ม้าขึ้นไปได้
  • ช่วงที่สอง (ประมาณ 1 - 1.5 ชั่วโมง) จากบริเวณคาเฟทีเรีย (Cafeteria) ซึ่งเป็นจุดที่มีทัศนียภาพที่สวยงามและเป็นจุดถ่ายภาพวัดทักซังจากระยะไกลที่ดีที่สุด เดินไปยังทางแยกก่อนขึ้นสู่วัดทักซัง เป็นเส้นทางที่เริ่มมีความลาดชันมากขึ้นและมีบันไดหินเป็นบางช่วง
  • ช่วงที่สาม (ประมาณ 30-45 นาที) เดินจากทางแยกไปยังตัววัดทักซัง ซึ่งช่วงนี้จะเป็นเป็นช่วงที่ชันที่สุด ต้องข้ามสะพานเล็กผ่านน้ำตกเหนือสะพาน ต้องขึ้นบันไดต่อไปอีกเพื่อขึ้นไปยังวัด บนเส้นทางเต็มไปด้วยธงมนต์หลากสีสัน ซึ่งจะเรียกว่า Lung Dhar มีด้วยกัน 5 สี แต่ละสีเป็นตัวแทนของธาตุทั้ง 5 ของธรรมชาติ 

เมื่อขึ้นมาถึงวัดทักซัง ไกด์จะเป็นผู้พาเข้าไปในวัด โดยไม่อนุญาตให้นำกระเป๋า กล้องถ่ายรูป และสวมรองเท้าเข้าไปในวัด สิ่งของเหล่านี้จะต้องฝากไว้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าประตูวัด การเยี่ยมชมวัดจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อสำรวจส่วนต่าง ๆ ของวัดและซึมซับบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งศรัทธา และชมถ้ำเสือที่มีรอยประทับกายในตำนานของท่านคุรุรินโปเช ส่วนการเดินทางลงวัดใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง

 

เส้นทางใหม่สู่วัดทักซัง

     การเดินทางมายังวัดทักซังสามารถเข้าถึงได้จากหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือที่ผ่านป่า เส้นทางที่ผู้แสวงบุญใช้จากทางทิศใต้ หรือจากทิศเหนือซึ่งจะผ่านที่ราบสูงหินที่เรียกว่าแสนนางฟ้าหรือที่รู้จักกันในชื่อ บุมดา (hBum-brag) ซึ่งโดยปกติแล้วเส้นทางหลักในการขึ้นสู่วัดทักซังคือเส้นทางที่เดินขึ้นมาจากเชิงเขาที่เป็นลานจอดรถด้านล่าง แต่เมื่อวัดทักซังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากขึ้น จึงได้มีการพัฒนาและปรับปรุงเส้นทางที่ขึ้นมายังวัดแห่งนี้ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและเพื่อความปลอดภัย เส้นทางใหม่จะมีความชันที่น้อยลงกว่าทางเดิม โดยจะออกแบบให้ค่อย ๆ ไต่ระดับความสูงอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีการติดตั้งราวจับในจุดสำคัญ พร้อมทั้งพื้นที่พักเหนื่อย ศาลานั่งพักและจุดให้บริการน้ำดื่มหรือน้ำชาแบบท้องถิ่น อีกทั้งยังมีการเพิ่มจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวัดทักษะได้อย่างงดงาม และมีเส้นทางแยกสำหรับการเดินทางด้วยม้าและการเดินเท้า แต่โดยรวมแล้วธรรมชาติของเส้นทางใหม่ก็ยังคงเป็นการเดินเท้าที่ท้าทาย เพราะเสน่ห์ของการมาเยือนวัดทักซังแห่งนี้ก็ยังคงเป็นประสบการณ์ที่ต้องใช้ความพยายามทางกายภาพเป็นหลัก ดังนั้นผู้ที่ต้องการข้อมูลเที่ยวภูฏานเกี่ยวกับเส้นทางใหม่สู่วัดทักซัง แนะนำให้ปรึกษากับบริษัททัวร์หรือไกด์ท้องถิ่นกันก่อนค่ะ เนื่องจากสภาพเส้นทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามฤดูกาลหรือการบำรุงรักษานั่นเอง

เคล็ดลับสำหรับการเที่ยวชม Tiger's Nest ในภูฏาน

การเตรียมตัวที่ดีจะทำให้ประสบการณ์การพิชิต Tiger's Nest เป็นประสบการณ์ทัวร์ภูฏานที่ไน่าประทับใจไปอีกนาน และนี่ก็คือเคล็ดลับสำหรับการเที่ยวชม Tiger's Nest ในภูฏานค่ะ

  • ฟิตร่างกาย การเดินขึ้นและลงวัดทักซังต้องใช้พละกำลังค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงควรออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงก่อนการเดินทาง โดยเฉพาะการเดินหรือวิ่งเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาและหัวใจ
  • ปรับตัวกับความสูง อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าการปรับตัวกับระดับความสูงเป็นสิ่งสำคัญ ควรใช้เวลาอย่างน้อย 1 - 2 วันในเมืองพาโรหรือทิมพู เพื่อให้ร่างกายคุ้นชินกับสภาพอากาศเบาบางที่ระดับความสูงค่อนข้างมากก่อนขึ้นวัด
  • สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม เลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี แห้งเร็ว สวมใส่สบาย ควรเป็นเสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิดเพื่อเคารพต่อสถานที่ เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว สวมใส่รองเท้าเดินป่าหรือรองเท้าหุ้มส้นที่กระชับและยึดเกาะได้ดี  
  • พกน้ำดื่มและของว่าง ควรพกน้ำขวดใหญ่ติดตัวไปด้วยเพื่อป้องกันภาวะการขาดน้ำ และเตรียมของว่างที่ให้พลังงานสูง เช่น ถั่ว ผลไม้แห้ง หรือช็อกโกแลต
  • เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ควรพกหมวก แว่นกันแดด และครีมกันแดด เตรียมเสื้อกันฝนหรือร่มขนาดเล็กติดตัวไปด้วย นอกจากนี้ไม้เท้าเดินป่ายังสามารถช่วยลดแรงกระแทกที่หัวเข่าและช่วยพยุงตัวในระหว่างการเดินขึ้นลง โดยเฉพาะในส่วนที่ลาดชัน
  • ยาประจำตัว สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่าลืมพกยาที่จำเป็นมาด้วย และต้องแจ้งให้ไกด์หรือเพื่อนร่วมทางทราบเกี่ยวกับโรคประจำตัวที่มี และยาที่ต้องใช้หากมีอาการ
  • เดินทางแต่เช้า การเริ่มต้นเดินทางแต่เช้าจะช่วยให้มีเวลาเพียงพอในการขึ้นและลงวัด อีกทั้งยังสามารถหลีกเลี่ยงฝูงชนและอากาศร้อนในช่วงกลางวันได้เป็นอย่างดี
  • เดินทางด้วยความใจเย็น ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเดินขึ้นไป แนะนำให้เดินไปอย่างช้าๆ หยุดพักบ่อย ๆ เพื่อดื่มน้ำและชมทัศนียภาพ และเพื่อเป็นการปรับให้ร่างกายชินต่อความสูงได้ดีขึ้น 

ค่าธรรมเนียมเข้าชมวัดทักซัง

     ในอดีตการเข้าชมวัดทักซังไม่มีค่าธรรมเนียมแยกต่างหาก เนื่องจากค่าเข้าชมวัดจะรวมอยู่ใน "ค่าธรรมเนียมการพัฒนาที่ยั่งยืน" (Sustainable Development Fee - SDF) ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาทัวร์ภูฏานจะต้องจ่ายกันอยู่แล้ว  อย่างไรก็ตามหลังจากมีการแก้ไขนโยบายวีซ่าของภูฏานในปี 2023  ก็ได้มีการตัดสินใจว่าจะมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมวัดทักซัง 1,000 Ngultrum สำหรับผู้ใหญ่ทุกคนที่เข้ามาเที่ยววัดทักซังตั้งแต่ในเดือนมีนาคมปี 2023 เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ค่าธรรมเนียมและนโยบายอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นเพื่อความแม่นยำและข้อมูลที่อัปเดตที่สุด ควรสอบถามจากบริษัททัวร์ภูฏานที่ใช้บริการ หรือตรวจสอบจากเว็บไซต์ทางการของการท่องเที่ยวภูฏานก่อนการเดินทางจะเป็นการดีที่สุดค่ะ 

ข้อจำกัดในการเข้าวัดทักซัง

แม้ว่าวัดทักซังจะเปิดรับนักท่องเที่ยวเกือบตลอดทั้งปี แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรทราบเอาไว้ก่อนเดินทางมาทัวร์ภูฏานกันที่วัดแห่งนี้ค่ะ

  • ข้อจำกัดด้านการแต่งกาย การแต่งกายสุภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเข้าชมวัดทักซัง เช่นเดียวกับวัดพุทธอื่น ๆ ในภูฏาน ควรสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดหัวไหล่และเข่า เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว หรือกระโปรงยาว และสวมรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าหุ้มส้น
  • ห้ามถ่ายภาพภายในอาคาร การถ่ายภาพภายในอาคารของวัด รวมถึงห้องสวดมนต์และถ้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งต้องห้ามอย่างเคร่งครัด โดยสามารถถ่ายภาพบริเวณภายนอกอาคารและวิวทิวทัศน์รอบๆได้
  • ห้ามนำกระเป๋าใบใหญ่หรือของมีค่าเข้าไปในอาคาร นักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ภูฏานกันที่วัดทักซัง ก่อนที่จะเข้าไปภายในวัดจะต้องฝากกระเป๋า กล้องถ่ายรูป และของมีค่าอื่น ๆ ไว้ที่จุดรับฝากบริเวณด้านหน้าก่อนเข้าชมอาคารภายในวัด เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการรบกวนพิธีกรรม
  • ข้อจำกัดด้านสุขภาพ ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ ปัญหาเกี่ยวกับปอด หรือปัญหาข้อเข่าและหลัง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเดินทาง และที่สำคัญคือควรประเมินความสามารถทางกายภาพของตนเองว่าไหวหรือไม่ ถ้ารู้ตัวว่าไม่ไหวก็อย่าฝืนค่ะ เนื่องจากเป็นเส้นทางค่อนข้างลาดชันและต้องใช้กำลังมาก  
  • การควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว ในช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวมาทัวร์ภูฏานกันที่วัดแห่งนี้ค่อนข้างมาก อาจมีการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมในแต่ละครั้ง เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมและความสงบของวัด
  • สภาพอากาศ ในช่วงฤดูหนาว (ธันวาคม - กุมภาพันธ์) เส้นทางอาจมีน้ำแข็งปกคลุมและเป็นอันตราย ในขณะที่ช่วงฤดูมรสุม (กรกฎาคม - สิงหาคม) อาจมีฝนตกหนักทำให้เส้นทางลื่นและทัศนวิสัยไม่ดี ไม่เหมาะสำหรับการเดินขึ้นวัด ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการพิชิตวัดทักซังคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม - พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - พฤศจิกายน) เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศดีและทัศนียภาพสวยงาม

     การเดินทางทัวร์ภูฏานเพื่อพิชิตวัดทักซัง" Tiger's nest ไม่เป็นเพียงแค่การไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยวภูฏานธรรมดา ๆ เท่านั้น หากแต่เป็นการตามรอยเส้นทางแห่งศรัทธาด้วยความมุ่งมั่น และการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ซึ่งการได้สัมผัสกับบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ ที่โอบล้อมด้วยขุนเขาและเมฆหมอกบนผาสูงชัน ผสมผสานตำนานอันน่าทึ่งและสถาปัตยกรรมที่น่าอัศจรรย์ หลังจากที่ได้ผ่านประสบการณ์การบนเส้นทางที่ท้าทาย คือคำตอบที่ดีที่สุดว่าทำไมวัดทักซังแห่งนี้จึงเป็นจุดหมายปลายทางในการทัวร์ภูฏานที่ต้องมาเยือนให้ได้กันสักครั้งในชีวิต และเรียกได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่หากว่าไม่ได้มา ก็เหมือนกับมาไม่ถึงภูฏานกันเลยก็ว่าได้ค่ะ