เวลาทำการ

จันทร์-ศุกร์ :

09.00 - 18.00 น.

เราช่วยคุณได้

@taladtour

Travel License : 11/11173

หน้าแรก

/

บทความท่องเที่ยว

/

การเดินป่าในภูฏาน: 5 เส้นทางเดินป่าที่ดีที่สุดสำหรับปี 2568

การเดินป่าในภูฏาน: 5 เส้นทางเดินป่าที่ดีที่สุดสำหรับปี 2568

23

Jun

2025

ภูฏาน

การเดินป่าในภูฏาน: 5 เส้นทางเดินป่าที่ดีที่สุดสำหรับปี 2568

       การทัวร์ภูฏาน (Bhutan)คือสรวงสวรรค์ที่แท้จริงสำหรับนักปีนเขาและนักเดินป่า ประเทศเล็ก ๆ ที่โอบล้อมด้วยเทือกเขาหิมาลัยสูงตระหง่าน ซึ่งก่อนที่จะมีการสร้างถนน การเดินเท้าและการขี่ม้าเป็นเพียงวิธีการเดียวที่ชาวภูฏานสามารถเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ ดังนั้นในทุกปีจึงมีนักปีนเขาและนักเดินป่าจากทั่วโลก ได้เดินทางเข้ามาเที่ยวภูฏานเพื่อสำรวจเส้นทางเหล่านี้ โดยเส้นทางเดินป่าในภูฏานนั้นมีตั้งแต่การเดินป่าระยะสั้นและง่าย ไปจนถึงการเดินป่าที่ท้าทายซึ่งต้องข้ามช่องเขาสูง ซึ่งเราก็ได้รวบรวมข้อมูลเที่ยวภูฏานสำหรับ 5 เส้นทางเดินป่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมาฝากกันค่ะ 

เส้นทางเดินป่า Druk Path Trek

เส้นทางเดินป่า Druk Path Trek 

       เป็นเส้นทางทัวร์ภูฏานด้วยการเดินไปตามเส้นทางการค้าโบราณ ที่เคยเชื่อมต่อสองเมืองสำคัญคือพาโรและทิมพู เป็นหนึ่งในเส้นทางเดินป่าที่สั้นที่สุดและใช้เวลาเพียงประมาณสี่หรือห้าวันในการเดินทางให้เสร็จสิ้น เส้นทางนี้ตัดผ่านป่ากุหลาบพันปี (Rhododendron) ป่าสน และต้นป่าเฮมล็อกอันเขียวชอุ่ม และคดเคี้ยวไปตามทะเลสาบมรกตที่เต็มไปด้วยปลาเทราต์สีน้ำตาลขนาดใหญ่ การเดินป่าจะเริ่มต้นจากชานเมืองพาโร ปีนขึ้นไปทางป้อมปราการโบราณ Jele Dzong จุดตั้งแคมป์ในวันแรกตั้งอยู่ด้านล่างป้อมปราการ การเดินป่าในวันที่สองจะเดินขึ้นลงตามสันเขาและเส้นทางที่ร่มรื่นด้วยต้นสนไซเปรสสูงตระหง่าน และไปสิ้นสุดที่ทุ่งหญ้า Jangchullakha ซึ่งเป็นทุ่งหญ้าอัลไพน์กว้างใหญ่ที่สามารถตั้งแคมป์ได้ โดยอาจแบ่งพื้นที่ตั้งแคมป์กับคนเลี้ยงจามรีเร่ร่อน และเพลิดเพลินไปกับการชมฝูงจามรีที่กำลังเล็มหญ้าอย่างสงบในทุ่งหญ้า

       อีกสองสามวันถัดไปจะใช้เวลาเดินผ่านทะเลสาบ Jimilang Tsho และ Simikotra Tsho เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันน่าตื่นตาตื่นใจของ Jomolhari, Jichu Drake และภูเขาศักดิ์สิทธิ์ Gangkar Puensem อันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดที่ยังไม่เคยมีใครพิชิตได้ โดยหลังจากข้ามช่องเขา Phume La Pass เส้นทางจะลงไปยัง Phajoding Monastery และมุ่งหน้าลงไปยังทิมพู อันเป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางการเดินป่านี้ เส้นทาง Druk Path trek มีความยากระดับปานกลางเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น โดยมีช่องเขา Phume La Pass ที่ความสูง 4,210 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลเป็นจุดสูงสุดของการเดินป่า เป็นหนึ่งในเส้นทางเดินป่าที่ดีที่สุดสำหรับการทัวร์ภูฏานที่ต้องลองกันให้ได้สักครั้ง 

เส้นทางเดินป่า Jomolhari Trek

เส้นทางเดินป่า Jomolhari Trek 

         จัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ของเส้นทางเดินป่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภูฏาน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินป่ายอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ภูฏานด้วยเช่นกัน เส้นทางนี้จะพาคุณไปยังเชิงเขาของภูเขา Jomolhari ซึ่งเป็นยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ และเป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับสองของภูฏาน (7326 ม. เหนือระดับน้ำทะเล) ไฮไลท์หลักของเส้นทาง Jomolhari Trek คือการตั้งแคมป์ที่ Jangothang หรือ Jomolhari Base Camp ซึ่งอยู่บริเวณใต้หน้าผาด้านตะวันออกของภูเขา Jomolhari โดยจุดตั้งแคมป์จะอยู่ใกล้กับธารน้ำแข็ง Jomolhari ที่มีทิวทัศน์ภูเขาสุดอลังการ และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือการเดินผ่านอุทยานแห่งชาติ Jigme Dorje ที่มีความอุดมสมบูรณ์ การสำรวจหมู่บ้านระหว่างทางและเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตกึ่งเร่ร่อนของหมู่บ้าน การเดินทางไปทะเลสาบธารน้ำแข็ง และการข้ามช่องเขาสูง

       โดยเส้นทางการเดินป่า Jomolhari Trek จะเริ่มต้นจาก Drukyel Dzong หรือ Shana ในพาโร และไปสิ้นสุดที่ทิมพู และมีอีกหนึ่งเส้นทางการเดินป่าที่สั้นกว่าและง่ายกว่าคือการเดินป่าจากพาโรไปยัง Jangothang แล้วกลับมาทางเดิม ใช้เวลาเดินประมาณ 11 วัน โดยเส้นทางจะผ่านหมู่บ้านที่โดดเดี่ยวของ Thakthangka, Shodu, Barshong ฯลฯ ซึ่งระหว่างทางสามารถเยี่ยมชมอารามโบราณและซากปรักหักพังของป้อมปราการหรือซองได้ จุดสูงสุดของการเดินป่าในเส้นทางนี้คือช่องเขา Nylila Pass ที่ความสูง 4900 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเส้นทางเดินป่าที่น่าตื่นเต้นสำหรับสำหรับผู้เริ่มต้นทัวร์ภูฏานด้วยการเดินป่าค่ะ 

เส้นทางเดินป่า Snowman Trek

เส้นทางเดินป่า Snowman Trek

      ได้รับการจัดอันดับให้เป็นการผจญภัยเดินป่าที่ท้าทายที่สุดแห่งหนึ่งของโลกกันเลยค่ะ ดังนั้นบอกเลยว่าไม่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการมาทัวร์ภูฏานเพื่อการเดินป่า แต่เป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับนักเดินป่ามืออาชีพ โดยเส้นทาง Snowman Trek จะใช้เวลาประมาณ 25 ถึง 30 วัน และต้องข้ามช่องเขาที่สูงชันถึง 11 แห่ง การเดินป่าเริ่มต้นจากเมืองพาโรไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยทิวทัศน์อันน่าทึ่งของเทือกเขาหิมาลัย น้ำตกสีเงิน ทะเลสาบธารน้ำแข็ง และภูมิประเทศที่หลากหลาย โดยเส้นทางจะปีนขึ้นและคดเคี้ยวเหนือแนวต้นไม้ ข้ามช่องเขาแห้งแล้งที่ปกคลุมด้วยหิมะ เมื่อข้ามช่องเขาสูงและหุบเขาแล้วก็จะเข้าสู่ที่ราบสูงของ Lunana Gewog เพื่อค้นพบวัฒนธรรมอันน่าทึ่งของชาว Layaps สัมผัสกับประสบการณ์ทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าในหมู่บ้านห่างไกลของชุมชนเลี้ยงจามรีกึ่งเร่ร่อน ที่สามารถช่วยเพิ่มสีสันให้กับการผจญภัยที่ยากลำบากได้เป็นอย่างดี

       การได้มีปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้าน Layap ในชุดแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา ก็ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์ของการเดินป่าในเส้นทางนี้ด้วยเช่นกันค่ะ การเดินป่าในเส้นทางนี้เป็นการเดินป่าที่ต้องใช้กำลังมาก ต้องมีการเดินประมาณเจ็ดหรือแปดชั่วโมงในแต่ละวัน มีการปีนขึ้นและลงที่มีความชันมาก ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ระดับความสูงมากกว่าหรือใกล้ 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จุดสูงสุดคือช่องเขา Rinchenzo La Pass ที่ความสูง 5,320 เมตร และจุดตั้งแคมป์ที่สูงที่สุดคือ Jichu Dramo ที่ความสูง 5,050 เมตร ซึ่งเมื่อระดับความสูงที่มากก็จะมีอากาศเบาบางลง ทำให้การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก เรียกได้ว่าค่อนข้างหินเลยทีเดียวค่ะสำหรับเส้นทางนี้ ดังนั้นการวางแผนทัวร์ภูฏานที่รวมเส้นทางนี้อยู่ด้วยต้องใช้การเตรียมตัวเป็นอย่างมาก โดยจุดสิ้นสุดของเส้นทาง Snowman Trek จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 ที่ด้วยกัน เส้นทางแรกจะไปจบที่ Phobjikha ในขณะที่อีกเส้นทางจะไปยัง Bumthang โดยเส้นทางทางที่พาไปยัง Bumthang ในภาคกลางของภูฏานนั้นจะมีความยากและท้าทายมากกว่า  

เส้นทางเดินป่า Dagala Thousand Lakes trek

เส้นทางเดินป่า Dagala Thousand Lakes Trek 

       เป็นหนึ่งในเส้นทางเดินป่าในเทือกเขาหิมาลัยที่สั้นที่สุดในภูฏาน โดยเป็นการทัวร์ภูฏานที่จะใช้เวลาเดินป่าเพียงแค่ประมาณ 8 วัน เส้นทางนี้จะพาคุณไปยังป่าสนอันอุดมสมบูรณ์ทางตอนใต้ของทิมพู เส้นทางคดเคี้ยวไปตามเนินเขาและทะเลสาบซึ่งซ่อนอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาของภูฏาน ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เชื่อกันว่าทะเลสาบเหล่านี้เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตลึกลับและเทพผู้พิทักษ์ป่า และยังเชื่อว่าเป็นที่เก็บสมบัติทางพุทธศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ หรือ "Terma" อีกด้วย การเดินป่าจะเริ่มต้นที่หมู่บ้าน Genekha ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ โดยใช้เวลาขับรถประมาณสองชั่วโมงจากทิมพู เดินไปตามเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นไปสู่ป่าสนขนาดใหญ่ที่หนาแน่น และจะค่อย ๆ บางตาลงเมื่อปีนสูงขึ้นไป ซึ่งในระหว่างทางจะต้องข้ามช่องเขา Pahgala Labtsa ซึ่งอยู่ที่ระดับความสูง 4,100 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และเดินผ่านกระท่อมตามฤดูกาลของคนเลี้ยงจามรีเร่ร่อนด้วย

        การแวะพักที่ Labatama ทำให้เราได้มีเวลาเพื่อไปสำรวจทะเลสาบทั้งเจ็ดแห่งที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ได้แก่ Utsho, Tsha Tsho, Bay Tsho, Dagye Tsho ทะเลสาบที่ยาวที่สุดบนเส้นทาง Dagala, Jagey Tsho, Jomo Lhatsho และ Shortsho ซึ่งหลังจากแวะพักที่ Labatama แล้ว ก็จะเดินทางต่อไปยัง Pangka โดยแวะระหว่างทางเพื่อชมทิวทัศน์อันงดงามของ Jomolhari, Kanchenjunga, Lhotse, Jichu Drake, Tsermikhang และภูเขาอื่น ๆ อีกมากมาย ในบริเวณนี้ยังจะได้พบกับทะเลสาบอีกแห่งคือ Dungkhar Tsho ซึ่งระหว่างทางไป Pangka วิวทิวทัศน์บริเวณจุดตั้งแคมป์ที่ Pangka นั้นบอกเลยว่าสวยงามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทิวทัศน์ของพระอาทิตย์ตกดินท่ามกลางเทือกเขาที่งดงามจับใจ และจาก Pankha เส้นทางจะค่อย ๆ เดินลงสู่ป่าสนและเฟอร์ และทุ่งกุหลาบพันปี (Rhododendron) อันเขียวขจี ซึ่งถ้าหากมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะเต็มไปด้วยดอกกุหลาบพันปีสีชมพูและแดงที่บานสะพรั่ง นอกจากนี้ยังสามารถพบเห็นนกหายากในเทือกเขาหิมาลัยบางชนิดในขณะที่เดินผ่านป่าแห่งนี้กันได้อีกด้วย  

       สำหรับเส้นทางเดินป่า Dagala Thousand Lakes Trek ต้องบอกว่าขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับช่างภาพสายธรรมชาติ หรือนักถ่ายวีดีโอแนวผจญภัยที่มาทัวร์ภูฏาน เนื่องจากเส้นทางนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงามราวอยู่ในโลกแห่งเทพนิยาย และที่สำคัญคือเป็นเส้นทางที่เดินกันได้ไม่ยากเลยค่ะ นักเดินป่ามือใหม่ที่เคยเดินป่าบนเนินเขามาบ้างก็สามารถเดินป่าในเส้นทางนี้ได้สบาย ใครที่กำลังมองหากิจกรรมเดินป่าในการทัวร์ภูฏาน ที่ผสมผสานความงามของธรรมชาติเข้ากับการผจญภัยเล็ก ๆ น้อยๆ เส้นทาง Dagala Thousand Lakes Trek นี้คือตัวเลือกที่ดีที่สุดค่ะ 

เส้นทางเดินป่า Laya Gasa Trek

เส้นทางเดินป่า Laya Gasa Trek      

     ต้องบอกว่าเส้นทาง Laya Gasa Trek นั้นได้รับการขนานนามว่าเป็น Snowman Trek เวอร์ชันย่อค่ะ ซึ่งการเดินป่านี้จะสั้นกว่าและเหนื่อยน้อยกว่า Snowman Trek ของจริงซึ่งเป็นเส้นทางเดินป่าที่ยาวที่สุดในภูฏาน แต่ก็ยังเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างยากและเหมาะสำหรับนักเดินป่ามืออาชีพที่มีประสบการณ์ โดยเส้นทาง Laya Gasa Trek จะใช้เวลาเดินประมาณ 16 วัน เป็นเส้นทางเดินป่าซึ่งมุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์ทางวัฒนธรรม และการมีปฏิสัมพันธ์กับชุมชนพื้นเมืองกึ่งเร่ร่อนที่เลี้ยงจามรีอย่างชาว Layaps ซึ่งว่ากันว่าชาว Layaps นั้นอพยพมายังภูฏานจากทิเบตใต้ในศตวรรษที่ 15 หลังจากที่พวกเขาถูกขับไล่ออกจากทิเบต ในขณะกำลังเดินทางออกจากหมู่บ้านในทิเบต เมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงเชิงเขา Masagang ก็ได้พบกับความงามตามธรรมชาติของสถานที่ จนทำให้พวกเขาร้องออกมาด้วยความยินดีว่า 'ลา ยา' นั่นจึงทำให้พวกเขาตัดสินใจสร้างที่อยู่อาศัยกันที่นั่นและตั้งชื่อว่า Laya  

      ชาว Layaps จะนับถือศาสนา Bon ผสมผสานกับพุทธศาสนา มีวิถีชีวิตแบบกึ่งเร่ร่อน โดยย้ายไปที่ทุ่งหญ้าสูงกับฝูงจามรีของพวกเขาในช่วงฤดูร้อน และลงมายังหมู่บ้านที่เชิงเขาในฤดูหนาว การตั้งถิ่นฐานของพวกเขาจะอยู่ที่ความสูงประมาณ 3,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานที่อยู่อาศัยซึ่งสูงที่สุดในภูฏาน โดยชุดแต่งกายแบบดั้งเดิมของชาว Layaps นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พวกเขาสวมหมวกไม้ไผ่รูปกรวยและชุดสีดำที่ทำจากขนจามรี ผู้หญิงจะประดับประดาตัวเองด้วยเครื่องประดับเงินและลูกปัดที่ประณีต ที่สำคัญคือชาว Layaps นั้นเป็นหนึ่งในชุมชนพื้นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในภูฏานกันเลยค่ะ โดยความมั่งคั่งของพวกเขาก็มาจากการขายเห็ดถั่งเช่า และการขายสินค้าที่นำเข้ามาจากชายแดนทิเบต

       เส้นทาง Laya Gasa จะเริ่มต้นจาก Drukgyal Dzong ในพาโร คดเคี้ยวไปตามแม่น้ำ Paro Chhu และปีนขึ้นไปยัง Jangothang หรือ Jomolhari Base Camp ระหว่างทางจะเดินผ่านหมู่บ้าน Jangothang, Lingshi, Chebisa และ Gon Yul และการตั้งถิ่นฐานขนาดใหญ่ของชาว Layaps คือ Laya และ Lingmithang เส้นทางนี้จะมีการข้ามช่องเขาสูงหลายแห่งที่มีระดับความสูงเกือบ 5,000 เมตร จุดสูงสุดของเส้นทางเดินป่า Laya Gasa Trek คือช่องเขา Sinche La Pass ที่ความสูง 5,005 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งนอกเหนือจากการได้สัมผัสทิวทัศน์ที่สวยงามแล้ว ก็ยังได้สำรวจอารามเก่าแก่ที่เงียบสงบและซากปรักหักพังของป้อมปราการโบราณ ในบางหมู่บ้านอาจได้รับการต้อนรับเข้าสู่โรงเรียนท้องถิ่น และได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับเด็กนักเรียนในท้องถิ่นได้ เรียกได้ว่าเป็นการผจญภัยที่มอบประสบการณ์ทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า ซึ่งแตกต่างจากการเที่ยวภูฏานกันแบบธรรมดาทั่วไปเลยค่ะ 

 

วิธีการจองการเดินป่าในภูฏาน

      การเดินป่าในภูฏานจะต้องได้รับอนุญาตผ่านการจองกับผู้ประกอบการเดินป่าที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เนื่องจากการเดินป่าด้วยตัวเองในภูฏานนั้นถูกห้ามอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานระหว่างประเทศที่ร่วมมือกับบริษัทท้องถิ่นที่มีแพคเกจบริการเดินป่าในภูฏาน ซึ่งสามารถหาข้อมูลออนไลน์และเลือกใช้บริการกันได้ โดยหน่วยงานจะเป็นผู้ดูแลเรื่องใบอนุญาตและการเดินทางทั้งหมด ตั้งแต่ที่พัก การเดินทาง ทัวร์ในเมือง และอาหาร (อาหารเช้า อาหารกลางวัน และอาหารเย็น) ซึ่งคุณภาพของของแพคเกจที่เลือก ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่มีอยู่ค่ะ ดังนั้นถ้าหากต้องการเที่ยวภูฏานด้วยการเดินป่ากันสักแห่งหนึ่ง ก็อย่าลืมพิจารณาในเรื่องของงบประมาณและเวลาที่ใช้ในการเดินป่ากันให้ดีค่ะ 

      การเดินป่าในภูฏานเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่อยากให้ลองมาสัมผัสด้วยตนเอง ถึงแม้ว่าการเดินป่าจะเต็มไปด้วยความยากลำบาก ถูกตัดขาดจากความหรูหราสะดวกสบายทุกอย่าง แต่ก็แลกมาด้วยประสบการณ์อันล้ำค่าที่เราจะได้สัมผัสใกล้ชิดกับธรรมชาติ เข้าถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่อยู่ห่างไกลจากสังคมยุคใหม่ ซึ่งประสบการณ์การเดินบนเส้นทางที่แสนบริสุทธิ์ของภูฏาน อาจทำให้เราได้แนวคิดใหม่ ๆ ที่ช่วยให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นเตรียมร่างกาย จิตใจ และอุปกรณ์กกันให้พร้อม หาข้อมูลเที่ยวภูฏานสำหรับเส้นทางเดินป่าที่สนใจ แล้วไปเดินป่าที่ภูฏานกันค่ะ