เวลาทำการ

จันทร์-ศุกร์ :

09.00 - 18.00 น.

เราช่วยคุณได้

@taladtour

Travel License : 11/11173

หน้าแรก

/

บทความท่องเที่ยว

/

แนะนำที่เที่ยวเมืองทิมพู เมืองนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง

แนะนำที่เที่ยวเมืองทิมพู เมืองนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง

23

Jun

2025

ภูฏาน

แนะนำที่เที่ยวเมืองทิมพู เมืองนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง

       เมืองทิมพู (Thimphu) คือจุดหมายปลายทางที่พลาดไม่ได้สำหรับการทัวร์ภูฏาน (Bhutan) ที่นี่คือเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของภูฏานซึ่งเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัย เข้ากับประเพณี ความเชื่อ ศาสนา และวัฒนธรรมดั้งเดิมได้อย่างกลมกลืน เมืองที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ท่ามกลางหุบเขาอันงดงาม โอบล้อมไปด้วยเทือกเขาหิมาลัยและป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ เมืองหลวงที่มีการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยที่คำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมดั้งเดิมเป็นสำคัญ หากใครกำลังค้นหาข้อมูลเที่ยวภูฏานกันที่เมืองทิมพู เราก็ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวภูฏานแนะนำในเมืองทิมพูที่ห้ามพลาดมาฝากกันค่ะ

ประวัติศาสตร์ของเมืองทิมพู (Thimphu) เมืองราชธานีแห่งสุดท้ายภูฏาน

ประวัติศาสตร์ของเมืองทิมพู (Thimphu) มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับพุทธศาสนา และวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวภูฎาน ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้ย้อนกลับไปได้ในช่วงศตวรรษที่ 12 เมื่อนักบุญและพระลามะหลายรูปได้เข้ามาเผยแผ่พุทธศาสนานิกายต่าง ๆ ในหุบเขาแห่งนี้ ซึ่งวัดเก่าแก่หลายแห่งที่อยู่ในทิมพู เช่น วัดชันกังคา (Changangkha Lhakhang) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 และวัดตันโก (Tango Goemba) ที่ก่อตั้งในศตวรรษที่ 13 ก็เป็นหลักฐานที่แสดงถึงความสำคัญทางศาสนาของพื้นที่มาตั้งแต่ยุคแรกเริ่ม 
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ทิมพูกลายเป็นศูนย์กลางและเมืองที่มีความโดดเด่นขึ้นมา คือการมาถึงของซับดรุง งาวัง นัมเกล (Zhabdrung Ngawang Namgyal) ในศตวรรษที่ 17 (ค.ศ. 1616) ที่ได้สร้างซิมโตคาซอง (Simtokha Dzong) ขึ้นทางตอนใต้ของหุบเขาทิมพูในปี ค.ศ. 1629 ถือได้ว่าเป็นป้อมปราการแห่งแรกที่ถูกสร้างขึ้นในภูฏาน ซึ่งมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการป้องกันการรุกรานจากทิเบต และเป็นศูนย์กลางการศึกษาทางศาสนาและการสอนภาษาซองคา (Dzongkha) ซึ่งเป็นภาษาประจำชาติของภูฏานในปัจจุบัน การสร้างซิมโตคาซองนั้นถือเป็นการวางรากฐานให้แก่การพัฒนาของทิมพูในฐานะศูนย์กลางที่สำคัญ ต่อมา ในปี ค.ศ. 1641 ได้มีการสร้างตาชิโชซอง (Tashichho Dzong) ขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำทิมพู (Thimphu Chhu) ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์กลางการบริหารและการศาสนาหลักของภูมิภาคนี้ และยังเป็นที่ประทับของพระสังฆราช (Je Khenpo) และเป็นที่ตั้งของรัฐบาลภูฏานในเวลาต่อมา  
สาเหตุสำคัญที่ทำให้มีการตัดสินใจย้ายเมืองหลวงจากเมืองพูนาคา (Punakha) มายังเมืองทิมพู (Thimphu) ก็เนื่องมาจากการที่พูนาคามีภูมิประเทศที่เข้าถึงได้ยากและถูกน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง ในขณะที่ทิมพูมีพื้นที่กว้างขวางกว่า ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ และสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานได้ง่ายกว่า จึงทำให้เมืองทิมพูกลายมาเป็นเมืองหลวงของภูฏานแทนเมืองพูนาคาในปี ค.ศ. 1955 และในปี ค.ศ. 1961 สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ดอร์จี วังชุก (Jigme Dorji Wangchuck) กษัตริย์องค์ที่ 3 ของภูฏาน ก็ได้ประกาศให้ทิมพูเป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งการประกาศนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเมืองทิมพูอย่างเป็นระบบและค่อยเป็นค่อยไป และเมื่อภูฏานได้เปลี่ยนผ่านจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ไปสู่ระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ ทิมพูก็ยังคงเป็นศูนย์กลางการบริหาร การเมือง และวัฒนธรรมของประเทศ เป็นที่ตั้งของรัฐสภา ศาลสูงสุด และหน่วยงานราชการต่าง ๆ รวมถึงเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการเกษตร การปศุสัตว์ และการท่องเที่ยวภูฏานที่อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวด ภายใต้ปรัชญา "ความสุขมวลรวมประชาชาติ" (Gross National Happiness - GNH) ที่เป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศ  

แนะนำที่เที่ยวเมืองทิมพู

ทิมพูเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในหุบเขาอันแสนงดงาม เมืองหลวงที่ยังคงมีความเงียบสงบและคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวภูฏาน ผสมผสานเข้ากับความทันสมัยได้อย่างลงตัว อาคารบ้านเรือนยังคงสร้างตามสถาปัตยกรรมแบบภูฏานดั้งเดิม เป็นเมืองที่ไม่มีไฟสัญญาณจราจร ผู้คนยังคงสวมใส่ชุดประจำชาติที่เรียกว่า "โก" (Gho) สำหรับผู้ชาย และ "กีระ" (Kira) สำหรับผู้หญิงในชีวิตประจำวัน การมาทัวร์ภูฏานที่เมืองทิมพู จึงเป็นการเปิดประสบการณ์เที่ยวภูฏานที่แตกต่างจากการเยือนเมืองหลวงประเทศอื่น ๆ ในโลกอย่างสิ้นเชิง


พระพุทธรูปดอร์เดนมา Great Buddha Dordenma

 พระพุทธรูปดอร์เดนมา Great Buddha Dordenma

             หนึ่งในแลนด์มาร์คที่ห้ามพลาดเมื่อมาทัวร์ภูฏานที่เมืองทิมพู พระพุทธรูปดอร์เดนมา (Great Buddha Dordenma) เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในภูฏาน พระพุทธรูปศากยมุนีองค์มหึมานี้ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาคุกันเซลฟอดรัง (Kuenselphodrang) มีความสูง 51.5 เมตร ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของระบอบกษัตริย์ภูฏาน และเพื่อเป็นการเติมเต็มคำพยากรณ์โบราณที่ได้กล่าวเอาไว้ว่า พระพุทธรูปจะถูกสร้างขึ้นในหุบเขาแห่งนี้ เพื่อนำความสุขและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่โลก ภายในพระพุทธรูปมีพระพุทธรูปขนาดเล็กอีกถึงกว่า 125,000 องค์ ประดิษฐานอยู่ทั่วองค์พระ ให้เราได้เก็บภาพความยิ่งใหญ่ของพระพุทธรูปพร้อมฉากหลังที่เป็นภูเขาและเมืองทิมพูอันงดงาม ชมพระพุทธรูปขนาดเล็กนับแสนองค์ที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระพุทธรูปองค์ใหญ่ และสัมผัสกับบรรยากาศแห่งความศรัทธาอันเข้มข้น โดยแนะนำให้ลองเข้าร่วมพิธีสวดมนต์สั้น ๆ เพื่อที่จะได้เข้าใจวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของชาวภูฏานได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นค่ะ 

เกร็ดความรู้

เวลาทำการ เปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 9:00-17:00 น.

ตลาดนัดสุดสัปดาห์เมืองทิมพู (Thimphu Weekend Market)

ตลาดนัดสุดสัปดาห์เมืองทิมพู (Thimphu Weekend Market)

หากต้องการสัมผัสวิถีชีวิตของชาวท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดเมื่อมาทัวร์ภูฏาน และเลือกซื้อของฝากท้องถิ่นที่ไม่เหมือนใคร แนะนำให้มาตลาดนัดแห่งนี้กันเลยค่ะ โดยตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำทิมพู (Thimphu Chhu) ทางเหนือของสนามกีฬา เป็นตลาดที่ชาวท้องถิ่นจะนำเอาข้าวของมาขายกันในช่วงวันสุดสัปดาห์ ซึ่งก็มีสินค้าหลากหลายชนิดตั้งแต่ผักผลไม้สด ๆ จากไร่ของเกษตรกรท้องถิ่น โดยมักจะพบเห็นพ่อค้าแม่ค้าชาวภูฎานที่วางขายพริกกองใหญ่ ๆ นอกจากนี้ยังมีเครื่องเทศ ธัญพืช ไปจนถึงสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่น ผ้าทอ งานไม้แกะสลัก และเครื่องประดับทำมือต่าง ๆ บรรยากาศของตลาดเต็มไปด้วยความคึกคักของผู้คนที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอย ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดคือการชิมผลไม้พื้นเมืองตามฤดูกาลที่หาได้ยากในประเทศอื่น ๆ เลือกซื้อสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่นที่ไม่เหมือนใคร และยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้มีปฏิสัมพันธ์กับชาวภูฎานได้อย่างใกล้ชิด  

เกร็ดความรู้

เวลาทำการ เปิด - ปิด : วันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์

โมติทัง (Motithang)

โมติทัง (Motithang)

ที่นี่เป็นเขตชานเมืองทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองทิมพู โดยโมติทัง (Motithang) มีความหมายว่า "ทุ่งหญ้าแห่งไข่มุก" ซึ่งการก่อตั้งโรงแรมโมติทัง (Hotel Motithang) ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1974 เนื่องในโอกาสการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าจิกมี ซิงเย วังชุก (Jigme Singye Wangchuck) สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่ 4 ของภูฏาน ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาย่านที่อยู่อาศัยแห่งนี้เลยก็ว่าได้ ในปัจจุบันเป็นเขตที่อยู่อาศัยของเจ้าหน้าที่ระดับสูง รวมถึงบ้านพักของกษัตริย์และสถานที่ราชการบางแห่ง และมีเกสต์เฮาส์ของรัฐที่มีชื่อเสียงอยู่อีกหลายแห่ง เรียกได้ว่าเป็นย่านที่พักอาศัยอันสวยงามของเมืองทิมพูเลยก็ว่าได้ค่ะ ที่นี่มีสถานที่ทัวร์ภูฏานที่น่าสนใจ ก็คือศูนย์อนุรักษ์ทาคินโมติทัง (Motithang Takin Preserve) ซึ่งเป็นสัตว์ประจำชาติของภูฏาน นอกจากนี้ก็ยังมีสถานที่สำคัญอื่น ๆ เช่น โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายโมติทัง (Motithang Higher Secondary School) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1975 และเป็นหนึ่งในโรงเรียนรัฐบาลที่มีชื่อเสียงในภูฏาน 

เกร็ดความรู้

เวลาทำการ เปิด - ปิด : ไม่มีเวลาทำการแบบเป็นทางการ เนื่องจากเป็นเขตที่พักอาศัยและที่ตั้งของสถานที่ราชการ แต่แนะนำให้มาในช่วงเวลา 08:00 – 17:00 น. 

วัดตันโก (Tango Goemba)

วัดตันโก (Tango Goemba)

หนึ่งในจุดหมายปลายทางการทัวร์ภูฏานที่ให้เราได้สัมผัสกับความสงบทางจิตวิญญาณ ท่ามกลางธรรมชาติอันแสนงดงาม วัดตันโก (Tango Goemba) ตั้งอยู่บนเนินเขาทางตอนเหนือของทิมพู โดยคำว่า Tango มีความหมายว่าหัวม้า ซึ่งสื่อถึงรูปทรงของภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดนั่นเองค่ะ วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในช่วงศตวรรษที่ 12 และถูกสร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 17 โดยซับดรุง งาวัง นัมเกล (Zhabdrung Ngawang Namgyal) เป็นวัดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะศูนย์กลางการศึกษาพุทธศาสนาขั้นสูง และยังเป็นสถานที่ปฏิบัติภาวนาสำหรับพระรามมาระดับสูงหลายรูป การเดินทางมาที่วัดแห่งนี้ต้องใช้การเดินเท้าขึ้นเขาผ่านป่าสนที่มีความร่มรื่น โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง บริเวณวัดมีบรรยากาศที่สงบเงียบและทัศนียภาพอันแสนงดงามของหุบเขาเบื้องล่าง การมาทัวร์ภูฏานที่วัดแห่งนี้จึงเป็นประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ได้ทั้งการแสวงบุญ การเดินป่าชมธรรมชาติ และสัมผัสกับบรรยากาศการปฏิบัติธรรมได้อย่างใกล้ชิด 

เกร็ดความรู้

เวลาทำการ เปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 9:00-17:00 น.

ซิมโตคาซอง (Simtokha Dzong) หรือป้อมซิมโตคา

ซิมโตคาซอง (Simtokha Dzong) หรือป้อมซิมโตคา 

หนึ่งในป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุดของภูฏานและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง ซิมโตคาซอง (Simtokha Dzong) หรือป้อมซิมโตคา ถือเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรม “ซอง” (dzong) แห่งแรกในภูฏาน ก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1629 โดยซับดรุง งาวัง นัมเกล (Zhabdrung Ngawang Namgyal) เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการปกครองและศาสนา รวมถึงเป็นป้อมปราการป้องกันการรุกรานจากทิเบต คำว่า Simtokha มีความหมายว่าปีศาจแห่งเลือด ซึ่งอ้างอิงถึงตำนานที่เล่าว่าซองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นบนเนินเขาที่มีปีศาจอาศัยอยู่ โดยซับดรุงได้ปราบปีศาจตนนั้นและสร้างซองขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะและเพื่อปกป้องผู้คน ปัจจุบันซิมโตคาซองเป็นที่ตั้งของสถาบันสอนภาษาซองคา (Dzongkha) ซึ่งเป็นภาษาประจำชาติของภูฏาน ซองแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมของซองภูฏานแบบดั้งเดิมที่มีความงดงามแข็งแกร่ง ภายในซองมีภาพจิตรกรรมฝาผนังโบราณที่งดงาม ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวทางพุทธศาสนาและประวัติศาสตร์   


เกร็ดความรู้

เวลาทำการ เปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 9:00-17:00 น.

วัดเชอรี (Cheri Goemba)

วัดเชอรี (Cheri Goemba)

วัดเชอรี (Cheri Goemba) หรือที่รู้จักในชื่อ วัดชักรี ดอร์เจเด็น (Chagri Dorjeden Monastery) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองทิมพูไม่ไกลจากวัดตันโก (Tango Goemba) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1620 โดยซับดรุง งาวัง นัมเกล (Zhabdrung Ngawang Namgyal) และเป็นวัดแห่งแรกที่ท่านได้ก่อตั้งขึ้นในภูฏาน วัดแห่งนี้เป็นศูนย์กลางการปฏิบัติธรรมและการเรียนรู้ของพระภิกษุในนิกาย Drukpa Kagyu การเดินทางมายังวัดเชอรีจะต้องเดินเท้าขึ้นเขาผ่านป่าไม้ที่มีความสวยงามและเงียบสงบ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง แต่เส้นทางการเดินอาจมีความชันในบางช่วง ให้เราได้สัมผัสกับความท้าทายในการเดินขึ้นเขาสู่สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันแสนบริสุทธิ์ในระหว่างการเดินทาง และเมื่อขึ้นไปถึงบริเวณวัดด้านบน ก็จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ท่ามกลางธรรมชาติที่เงียบสงบและการบำเพ็ญเพียรของพระสงฆ์ โดยภายในวัดมีสถูปเงิน (Silver Chorten) ซึ่งบรรจุอัฐิพระบิดาของซับดรุง งาวัง นัมเกล อยู่ด้วย 


เกร็ดความรู้

เวลาทำการ เปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 9:00-16:30 น.

วัดชันกังคา (Changnagkha Lhakhang) วัดของลามะ “เทวะผู้บ้าคลั่ง”

วัดชันกังคา (Changnagkha Lhakhang) วัดของลามะ “เทวะผู้บ้าคลั่ง”

วัดชันกังคา (Changangkha Lhakhang) เป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่และสำคัญที่สุดอีกแห่งหนึ่งในเมืองทิมพู ถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12 โดยลามะฟาโจ ดรุโกม ชิกโป (Phajo Drugom Zhigpo) ผู้เผยแพร่พุทธศาสนานิกายของนิกาย Drukpa Kagyu ในภูฏาน วัดแห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของการตั้งชื่อให้กับเด็ก ๆ โดยพ่อแม่ชาวภูฏานจะพาลูก ๆ มาขอพรและรับการตั้งชื่อจากพระลามะ โดยสาเหตุที่วัดชันกังคานั้นเป็นที่รู้จักกันในชื่อวัดของลามะ “เทวะผู้บ้าคลั่ง” ก็เนื่องมาจากคำสอนและตำนานของท่าน Drukpa Kunley ที่มีฉายาว่า The Divine Madman ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตำนานและเรื่องราวที่บอกเล่าภายในวัดแห่งนี้นั่นเอง ภายในวัดมีรูปปั้นสำริดขนาดใหญ่ของพระอวโลกิเตศวร (Chenrezig) ซึ่งมีแขน 11 ข้าง เชื่อกันว่าการเดินรอบวัดและหมุนวงล้ออธิษฐานจะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคล และถ้าหากโชคดีก็อาจจะได้เห็นพิธีตั้งชื่อเด็ก ที่แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาและความผูกพันในครอบครัวที่มีต่อสถาบันศาสนาในภูฏานอย่างแนบแน่น 

เกร็ดความรู้

เวลาทำการ เปิด - ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 8:00-18:00 น.

อนุสรณ์สถานชอร์เตน สถูปอนุสรณ์ (National Memorial Chorten)

อนุสรณ์สถานชอร์เตน สถูปอนุสรณ์ (National Memorial Chorten) 

อนุสรณ์สถานชอร์เตน (National Memorial Chorten) หรือที่รู้จักในชื่อ ทิมพูชอร์เตน (Thimphu Chorten) สถูปพุทธศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทิมพู สถานที่ซึ่งได้รับความเคารพอย่างสูงสุดในภูฏาน สถูปแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1974 เพื่อเป็นเกียรติแก่พระมหากษัตริย์จิกมี ดอร์จี วังชุก (Jigme Dorji Wangchuck) สมเด็จพระราชาธิบดีองค์ที่ 3 ของภูฏาน ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น "บิดาแห่งภูฏานยุคใหม่" อนุสรณ์สถานแห่งนี้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวภูฎาน เป็นสัญลักษณ์ของความสงบสุข ความเจริญรุ่งเรือง และการอุทิศตนเพื่อประเทศชาติ ซึ่งเราจะได้เห็นชาวภูฏานทุกเพศทุกวัย ต่างเดินทางมาทำพิธีสักการะ หมุนวงล้ออธิษฐาน และสวดมนต์กันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน สื่อให้เห็นถึงความเคารพและความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวภูฏานอย่างลึกซึ้ง สิ่งที่ต้องทำเมื่อมาทัวร์ภูฏานที่นี่คือการเดินรอบสถูปตามเข็มนาฬิกา (kora) และหมุนวงล้ออธิษฐาน เพื่อสัมผัสกับแก่นแท้ของวัฒนธรรมและศาสนาของภูฏานด้วยตนเองค่ะ 

เกร็ดความรู้

เวลาทำการ เปิด - ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05:00 น. - 20:00 น.

ศูนย์อนุรักษ์ "ทาคิน" (Takin) สถานอนุรักษ์สัตว์ประจำชาติของภูฏาน

ศูนย์อนุรักษ์ "ทาคิน" (Takin) สถานอนุรักษ์สัตว์ประจำชาติของภูฏาน

ศูนย์อนุรักษ์ทาคิน (Motithang Takin Preserve) เป็นสถานที่อนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งตั้งอยู่ในย่านโมติทัง (Motithang) เดิมทีพื้นที่แห่งนี้เป็นสวนสัตว์ขนาดเล็กแต่ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นเขตอนุรักษ์สำหรับทาคิน (Takin) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Budorcas taxicolor whitei สัตว์ประจำชาติของภูฏาน ซึ่งเป็นสัตว์หายากที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์ (Vulnerable) ตามบัญชีแดงของ IUCN เป็นสัตว์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวอันโดดเด่นด้วยรูปร่างที่คล้ายกับวัวผสมกับแพะ พบมากในภูเขาสูงของภูฏาน จีน ยูนนาน และอินเดีย ตามตำนานเล่าว่าพระลามะดรุคปะ คุนเลย์ (Drukpa Kunley) หรือลามะเทวะผู้บ้าคลั่ง ถูกชาวบ้านขอร้องให้แสดงปาฏิหาริย์ ท่านจึงได้กินวัวและแพะจนหมดแล้วนำเอาหัวแพะมาต่อกับลำตัววัว พร้อมร่ายมนต์ให้มีชีวิตขึ้นมากลายเป็นทาคิน ทำให้ทาคินถูกยกให้เป็นสัตว์ปาฏิหาริย์และมีสถานะเป็นสัตว์ประจำชาติของภูฏาน ซึ่งนอกจากทาคินแล้ว เขตอนุรักษ์แห่งนี้ก็ยังมีกวาง Sambar และกวางป่าอาศัยอยู่ด้วย 


เกร็ดความรู้

เวลาทำการ เปิด - ปิด : วันอังคาร–อาทิตย์ เวลา 09:00–16:00 น. ปิดวันจันทร์และวันหยุดราชการบางวัน